“ไมเคิล ออร์” ฟ้องศาล หลังพบว่าครอบครัวทูอี้ไม่เคยรับตนเป็นบุตรบุญธรรม

“ไมเคิล ออร์” อดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลยื่นฟ้องต่อศาล หลังพบว่า ครอบครัวทูอี้ไม่ได้รับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และได้รับผลประโยชน์จากสถานะพ่อแม่บุญธรรมปลอม

“ไมเคิล ออร์” อดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลชื่อดังวัย 37 ปี ผู้เป็นต้นฉบับเรื่องราวในภาพยนตร์ระดับรางวัลออสการ์เรื่อง “The Blind Side” ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเทนเนสซี เพื่อยุติสถานะการเป็นผู้พิทักษ์ดูแลของ ฌอน ทูอี้ และลีห์ แอนน์ ทูอี้ หลังพบว่า ทั้งสองคนไม่ได้รับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และได้รับผลประโยชน์หลายล้านดอลลาร์ซึ่งไม่เคยมาถึงมือเขา

ออร์อ้างว่า ครอบครัวทูอี้บอกเขาว่า พวกเขาจะรับเลี้ยงออร์ (adopt) แต่กลับยื่นคำร้องเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ดูแล (conservatorship) แทน

คำร้องของออร์ต่อศาลได้ขอให้มีคำสั่งให้ครอบครัวทูอี้ชี้แจงสาเหตุที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ในการจัดทำบัญชีปกติหรือดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้อยู่ในความคุ้มครอง คือ ไมเคิล เจ. ออร์

ออร์มีสถานะเป็นผู้ต้องอยู่ในความคุ้มครอง (ward) ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุ 11 ปีในปี 1996 และไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มใช้ชีวิตตามท้องถนน กระทั่ง “พ่อของเพื่อน” คือ ฌอน ทูอี้ ช่วยพาเขาเข้าโรงเรียน ทำให้เขาได้เริ่มเล่นอเมริกันฟุตบอล

ในช่วงฤดูร้อนหลังจากปีแรก ออร์ก็เริ่มอยู่อาศัยกับครอบครัวทูอี้เป็นครั้งคราว เอกสารคำร้องระบุว่า “ในขณะที่พ่อแม่คนอื่น ๆ ของเพื่อนร่วมชั้นของไมเคิลมองว่าไมเคิลเป็นแค่เด็กดีที่ต้องการความช่วยเหลือ ฌอน ทูอี้ และลีห์ แอนน์ ทูอี้ มองเห็นอย่างอื่น นั่นคือ เด็กหนุ่มหลอกง่ายที่มีพรสวรรค์ด้านกีฬา และอาจถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง”

เอกสารระบุว่า ครอบครัวทูอี้ ซึ่งไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมายในศาลเยาวชนเพื่อรับไมเคิลมาดูแลตามกฎหมาย ได้เชิญออร์ไปพักที่บ้านของพวกเขาบ่อยขึ้นและพาเขาไปซื้อของ

และหลังจากที่ออร์อายุครบ 18 ปีแต่ยังเป็นนักเรียนอยู่ ในเดือนกรกฎาคม 2004 ครอบครัวทูอี้ได้เสนอให้ไมเคิลมาอยู่กับพวกเขา

“ครอบครัวทูอี้บอกไมเคิลว่า พวกเขารักและตั้งใจที่จะรับเลี้ยงเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไมเคิลเชื่อพวกเขา ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่แท้จริง และเชื่อใจนายและนางทูอี้อย่างเต็มที่ และเรียกพวกเขาว่า ‘แม่’ และ ‘พ่อ’” เอกสารคำร้องระบุ

ในเอกสารยังบอกอีกว่า หลังจากที่เขาย้ายเข้ามาไม่นาน ครอบครัวทูอี้ก็ได้มอบเอกสารทางกฎหมายที่เขาคิดว่าจำเป็นสำหรับการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม

“ไมเคิลไว้ใจครอบครัวทูอี้ และลงนามในที่ที่พวกเขาบอกให้เซ็น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาเซ็นและไมเคิลไม่ทราบจนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023 คือ นั่นไม่ใช่เอกสารการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม แต่เป็นการแต่งตั้งให้ ฌอน และลีห์ แอนน์ เป็นผู้พิทักษ์ดูแลของเขาแทน”

เอกสารดังกล่าวทำให้ครอบครัวทูอี้มีอำนาจในการควบคุมความสามารถของ ไมเคิล ออร์ ในการเจรจาหรือทำสัญญาใด ๆ แม้ว่าเขาจะบรรลุนิติภาวะอายุมากกว่า 18 ปีแล้ว และไม่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความพิการทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม

คำร้องระบุว่า ครอบครัวทูอี้ไม่เคยบอกออร์ว่า พวกเขาจะมีอำนาจในการควบคุมสัญญาทั้งหมดของออร์อย่างสูงสุด และพวกเขายังบอกออร์ว่า การรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมจะถูกเรียกว่าเป็นผู้พิทักษ์ดูแลตั้งแต่เขาอายุเกิน 18 ปี ซึ่งเป็นเจตนาที่ต้องการบิดเบือนสถานะการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม

คำร้องระบุว่า “ครอบครัวทูอี้ได้แสดงตัวเป็นพ่อแม่บุญธรรมของไมเคิลอย่างไม่ถูกต้องต่อหน้าสาธารณชนจนถึงวันที่ยื่นคำร้องนี้”

ประมาณเดือนกันยายน 2006 ครอบครัวทูอี้ได้เจรจาสัญญาสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “The Blind Side” ที่สร้างจากเรื่องราวชีวิตของออร์ โดยในสัญญาระบุว่า ครอบครัวทูอี้จะได้รับเงิน 225,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12 ล้านบาทในขณะนั้น) บวก 2.5% ของรายได้ทำเงินสุทธิ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องทำรายได้มากกว่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวของออร์เองนั้น “ไม่ได้รับอะไรเลย”

มีสัญญาอีกฉบับตั้งแต่เดือนเมษายน 2007 ที่ลงนามโดย ไมเคิล ออร์ ซึ่งมอบชื่อ รูปลักษณ์ เสียง ฯลฯ ให้กับสตูดิโอภาพยนตร์ “โดยไม่ต้องจ่ายเงินใด ๆ” ซึ่งออร์คิดว่าลายเซ็นในสัญญานั้นดูคล้ายกับของเขา แต่เขาไม่แน่ใจว่ามันถูกปลอมแปลงหรือไม่

เอกสารคำร้องสรุปว่า “ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2004 เป็นอย่างน้อย ผู้พิทักษ์ดูแลได้ทำให้ไมเคิลและสาธารณชนทั่วไปเชื่อว่า พวกเขารับเลี้ยงไมเคิลเป็นบุตรบุญธรรม และใช้ความจริงนั้นเพื่อหาผลประโยชน์ทางการเงินสำหรับตนเองและมูลนิธิที่พวกเขาเป็นเจ้าของ ทั้งที่เงินทั้งหมดที่ได้มาในลักษณะดังกล่าวควรถูกแบ่งและจ่ายให้กับผู้อยู่ในความคุ้มครอง คือ ไมเคิล ออร์”

หลังการยื่นฟ้อง ออร์กล่าวว่า “ผมรู้สึกท้อแท้กับการเปิดเผยในคดีความในวันนี้ นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับผมและครอบครัว ผมต้องการขอให้ทุกคนโปรดเคารพความเป็นส่วนตัวของเราในเวลานี้ สำหรับตอนนี้ผมจะปล่อยให้คดีดำเนินไปตามกระบวนการ และจะไม่แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม”

ด้าน ฌอน ทูอี้ ออกมาเปิดเผยว่า ครอบครัวของเขาเสียใจมาก “มันน่าเสียใจที่มีการคิดว่าเราจะหาเงินจากลูก ๆ ของเรา แต่เราจะรักไมเคิลตอนอายุ 37 เหมือนที่เรารักเขาตอนอายุ 16 ปี”

เขายืนยันว่า ไม่ได้ทำเงินจากภาพยนตร์เรื่อง The Blind Side “ทุกคนในครอบครัวได้รับส่วนแบ่งเท่า ๆ กัน รวมถึงไมเคิลด้วย มันอยู่ที่ประมาณ 14,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 740,000 บาทในขณะนั้น) ต่อคน”

ฌอนเสริมว่า “มันยากเพราะคุณต้องปกป้องตัวเอง แต่ไม่ว่าเขาต้องการอะไร เราจะทำ … เราไม่ได้อยู่ในนี้เพื่อสิ่งอื่นนอกจากสิ่งที่เขาต้องการ ถ้าเขาพูดว่า ‘ผมไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกต่อไป’ เราคงเสียใจมาก”

สำหรับผลงานที่โดดเด่นในวงการอเมริกันฟุตบอลของออร์ คือการเล่นให้กับบัลติมอร์เรเวนส์เป็นเวลา 5 ฤดูกาล และช่วยให้พวกเขาคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้ในปี 2013

ในอาชีพอเมริกันฟุตบอลของออร์ เขาเล่นไปทั้งหมด 110 เกมใน 8 ฤดูกาล กับ บัลติมอร์เรเวนส์ เทนเนสซีไททันส์ และแคโรไลนาแพนเธอร์ ทำเงินได้มากกว่า 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.2 พันล้านบาท) ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเงินจากอาชีพนักกีฬาของเขานี้ มีส่วนไหนที่ครอบครัวทูอี้ได้รับด้วยหรือไม่

เรียบเรียงจาก

ภาพจาก Getty Image

สล็อตเว็บตรง

“ไมเคิล ออร์” ฟ้องศาล หลังพบว่าครอบครัวทูอี้ไม่เคยรับตนเป็นบุตรบุญธรรม

“ไมเคิล ออร์” อดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลยื่นฟ้องต่อศาล หลังพบว่า ครอบครัวทูอี้ไม่ได้รับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และได้รับผลประโยชน์จากสถานะพ่อแม่บุญธรรมปลอม “ไมเคิล ออร์” อดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลชื่อดังวัย 37 ปี ผู้เป็นต้นฉบับเรื่องราวในภาพยนตร์ระดับรางวัลออสการ์เรื่อง “The Blind Side” ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเทนเนสซี เพื่อยุติสถานะการเป็นผู้พิทักษ์ดูแลของ ฌอน ทูอี้ และลีห์ แอนน์ ทูอี้ หลังพบว่า ทั้งสองคนไม่ได้รับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และได้รับผลประโยชน์หลายล้านดอลลาร์ซึ่งไม่เคยมาถึงมือเขา ออร์อ้างว่า ครอบครัวทูอี้บอกเขาว่า พวกเขาจะรับเลี้ยงออร์ (adopt) แต่กลับยื่นคำร้องเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ดูแล (conservatorship) แทน คำร้องของออร์ต่อศาลได้ขอให้มีคำสั่งให้ครอบครัวทูอี้ชี้แจงสาเหตุที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ในการจัดทำบัญชีปกติหรือดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้อยู่ในความคุ้มครอง คือ ไมเคิล เจ. ออร์ ออร์มีสถานะเป็นผู้ต้องอยู่ในความคุ้มครอง (ward) ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุ 11 ปีในปี 1996 และไม่นานหลังจากนั้นก็เริ่มใช้ชีวิตตามท้องถนน กระทั่ง “พ่อของเพื่อน” คือ ฌอน ทูอี้ ช่วยพาเขาเข้าโรงเรียน ทำให้เขาได้เริ่มเล่นอเมริกันฟุตบอล ในช่วงฤดูร้อนหลังจากปีแรก ออร์ก็เริ่มอยู่อาศัยกับครอบครัวทูอี้เป็นครั้งคราว เอกสารคำร้องระบุว่า “ในขณะที่พ่อแม่คนอื่น…